ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวศรีจันทร์ ด้วยครับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับขอให้นาย วรวุฒธฺ์ ไปสู่ภพภูมิที่ดีขอขอบคุณที่มาใช้บริการ ห้องภาพ ดีเจจ๊ะเอ๋ และห้องเสื้อวราภรณ์ ร้านเปิด06.00ปิด 20.00น.เสาร์ อาทิตย์ก็เปิดให้บริการนะครับ 0612301227 0506299771
ประชาสัมพันธ์ กำหนดการจัดประชุมประชาคมท้องถิ่น
เทศบาลตำบลบ้านผือ ได้ดำเนินการจัดประชุมประชาคมท้องถิ่น เพื่อรับฟังความคิดเห็น ปัญหาความเดือดร้อน ความต้องการของประชาชน เพื่อนำไปจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่น
ขอเรียนเชิญประชาชนในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลบ้านผือ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี เข้าร่วมประชุมประชาคมท้องถิ่นระหว่างวันที่ 10-20 พฤศจิกายน 2568 เวลา 18:00 - 20:00 น.
วันที่ 10 พฤศจิกายน 2568
ชุมชนบ้านหัวคู 1 หมู่ 1
สถานที่: #ศาลาประชาคมบ้านหัวคู1
วันที่ 11 พฤศจิกายน 2568
ชุมชนบ้านหัวคู 2 หมู่ 1
สถานที่: #ศาลาประชาคมบ้านหัวคู2
วันที่ 12 พฤศจิกายน 2568
ชุมชนบ้านถ่อน หมู่ 2
สถานที่: #ศาลาวัดลุมพลีวัน
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2568
ชุมชนบ้านผือ หมู่ 3
สถานที่: #ศาลาวัดศรีโสภณ
วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568
ชุมชนบ้านพลับ หมู่ 4
สถานที่: #ศาลาประชาคมบ้านพลับ
วันที่ 17 พฤศจิกายน 2568
ชุมชนบ้านศรีสำราญ หมู่ 8
สถานที่: #ศาลาประชาคมบ้านศรีสำราญ
วันที่ 18 พฤศจิกายน 2568
ชุมชนบ้านศรีสะอาด หมู่ 10
สถานที่: #หน้าบ้านผู้ใหญ่บ้าน
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2568
ชุมชนบ้านถ่อนใหม่ หมู่ 12
สถานที่: #ศาลาประชาคมบ้านถ่อนใหม่
วันที่ 20 พฤศจิกายน 2568
ชุมชนบ้านจันทราราม หมู่ 14
สถานที่: #ศาลาวัดจันทราราม
หมายเหตุ: กำหนดการอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม
#ประชุมประชาคมท้องถิ่น #งานประชาสัมพันธ์ #กองยุทธศาสตร์และงบประมาณ #เทศบาลตำบลบ้านผือ สำนักงานเทศบาลตำบลบ้านผือ อ.บ้านผือ
เทศบาลตำบลบ้านผือ ได้ดำเนินการจัดประชุมประชาคมท้องถิ่น เพื่อรับฟังความคิดเห็น ปัญหาความเดือดร้อน ความต้องการของประชาชน เพื่อนำไปจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่น
ขอเรียนเชิญประชาชนในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลบ้านผือ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี เข้าร่วมประชุมประชาคมท้องถิ่นระหว่างวันที่ 10-20 พฤศจิกายน 2568 เวลา 18:00 - 20:00 น.
วันที่ 10 พฤศจิกายน 2568
ชุมชนบ้านหัวคู 1 หมู่ 1
สถานที่: #ศาลาประชาคมบ้านหัวคู1
วันที่ 11 พฤศจิกายน 2568
ชุมชนบ้านหัวคู 2 หมู่ 1
สถานที่: #ศาลาประชาคมบ้านหัวคู2
วันที่ 12 พฤศจิกายน 2568
ชุมชนบ้านถ่อน หมู่ 2
สถานที่: #ศาลาวัดลุมพลีวัน
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2568
ชุมชนบ้านผือ หมู่ 3
สถานที่: #ศาลาวัดศรีโสภณ
วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568
ชุมชนบ้านพลับ หมู่ 4
สถานที่: #ศาลาประชาคมบ้านพลับ
วันที่ 17 พฤศจิกายน 2568
ชุมชนบ้านศรีสำราญ หมู่ 8
สถานที่: #ศาลาประชาคมบ้านศรีสำราญ
วันที่ 18 พฤศจิกายน 2568
ชุมชนบ้านศรีสะอาด หมู่ 10
สถานที่: #หน้าบ้านผู้ใหญ่บ้าน
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2568
ชุมชนบ้านถ่อนใหม่ หมู่ 12
สถานที่: #ศาลาประชาคมบ้านถ่อนใหม่
วันที่ 20 พฤศจิกายน 2568
ชุมชนบ้านจันทราราม หมู่ 14
สถานที่: #ศาลาวัดจันทราราม
หมายเหตุ: กำหนดการอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม
#ประชุมประชาคมท้องถิ่น #งานประชาสัมพันธ์ #กองยุทธศาสตร์และงบประมาณ #เทศบาลตำบลบ้านผือ สำนักงานเทศบาลตำบลบ้านผือ อ.บ้านผือ
วันลอยกระทง 2568 ปีนี้วันที่เท่าไหร่ ตรงกับวันอะไร
ใกล้เข้ามาอีกครั้งสำหรับหนึ่งในเทศกาลที่งดงามและเปี่ยมด้วยมนต์เสน่ห์ที่สุดของประเทศไทยกับประเพณี "ลอยกระทง" ซึ่งในปี พ.ศ. 2568 นี้ จะตรงกับ วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน 2568 คืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง (ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12) ที่พระจันทร์เต็มดวงจะทอแสงนวลส่องสว่างทั่วผืนน้ำ เปิดโอกาสให้ชาวไทยได้ร่วมกันสืบสานวัฒนธรรมอันดีงามที่มีมาแต่โบราณ
ความสำคัญและความเชื่อในวันลอยกระทง 2568
ประเพณีลอยกระทงไม่ได้เป็นเพียงการนำกระทงไปลอยในแม่น้ำลำคลอง แต่ยังผูกพันกับความเชื่อและวิถีชีวิตของคนไทยอย่างลึกซึ้ง โดยมีความสำคัญในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการขอขมาพระแม่คงคา ซึ่งเป็นความเชื่อหลักที่แสดงความกตัญญูและขอขมาต่อพระแม่คงคา เทวีแห่งสายน้ำ การลอยกระทงจึงเปรียบเสมือนการขออภัยและขอบคุณสำหรับคุณประโยชน์ของสายน้ำ
รวมถึงการบูชารอยพระพุทธบาท ตามตำนานกล่าวว่า เป็นการลอยกระทงเพื่อบูชารอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าที่ประทับไว้ ณ หาดทรายริมแม่น้ำนัมมทานทีในประเทศอินเดีย
ความเชื่อในการลอยทุกข์โศกและสิ่งไม่ดี ที่ผู้คนนิยมใส่เหรียญเงินลงในกระทง แล้วอธิษฐานขอให้กระทงช่วยนำพาความทุกข์ ความเศร้าโศก โรคภัยไข้เจ็บ และสิ่งไม่ดีทั้งหลายให้ลอยไปกับสายน้ำ ถือเป็นการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ ที่ดีในชีวิต รวมถึงบางท้องถิ่น ที่ถือว่าเป็นการบูชาพระอุปคุตเถระ ที่บำเพ็ญบริกรรมคาถาอยู่ในท้องทะเลลึกหรือสะดือทะเล
ประวัติวันลอยกระทง
ประวัติของวันลอยกระทงไม่ได้มีบันทึกที่ชัดเจนเพียงหนึ่งเดียว แต่เป็นประเพณีที่หยั่งรากลึกอยู่ในวัฒนธรรมของผู้คนแถบเอเชีย โดยผูกพันกับความเชื่อทางศาสนาทั้งพุทธและพราหมณ์-ฮินดู ซึ่งต่างก็มีตำนานและเรื่องเล่าที่น่าสนใจแตกต่างกันไป รากฐานแห่งศรัทธา 3 ตำนานความเชื่อดั้งเดิม
แก่นแท้ของการลอยกระทงในยุคแรกเริ่ม คือการแสดงความเคารพและบูชาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยมีตำนานความเชื่อหลักๆ ดังนี้
เพื่อเป็นพุทธบูชาต่อ "รอยพระพุทธบาท"ตำนานที่ชาวพุทธคุ้นเคยที่สุด เล่าว่าในสมัยพุทธกาล หลังจากพระพุทธเจ้าเสวยข้าวมธุปายาสที่นางสุชาดาถวายแล้ว ได้ทรงนำถาดทองลอยในแม่น้ำเนรัญชราและอธิษฐานว่า "หากจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ขอให้ถาดทองลอยทวนน้ำ" ปรากฏว่าถาดได้ลอยทวนน้ำขึ้นไปจนถึงพิภพของพญานาค พญานาคจึงเกิดความเลื่อมใสและทูลขอให้พระองค์ประทับรอยพระบาทไว้ริมฝั่งแม่น้ำ เพื่อให้เหล่านาคได้ขึ้นมาสักการะ การลอยกระทงจึงเปรียบเสมือนการบูชารอยพระพุทธบาทอันศักดิ์สิทธิ์นั้นสืบต่อมา
เพื่อบูชาเทพเจ้าสูงสุดของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูในอีกทางหนึ่ง เชื่อว่าประเพณีนี้ได้รับอิทธิพลมาจากการทำพิธี "ลอยโคมประทีป" ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เพื่อบูชามหาเทพทั้งสาม คือ พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม ต่อมาชาวพุทธได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบมาเป็นการใช้กระทงดอกบัวลอยไปตามสายน้ำ เพื่อบูชารอยพระพุทธบาทแทน
เพื่อรำลึกถึง "พญานาค" ผู้ปกป้องพระพุทธศาสนาอีกหนึ่งตำนานกล่าวถึงสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชที่ทรงตั้งพระทัยจะสร้างเจดีย์ 84,000 องค์ แต่ถูกพญามารขัดขวาง พระอุปคุตมหาเถระจึงต้องไปขอให้พญานาคมาช่วยปราบมารจนสำเร็จ การลอยกระทงในคืนเดือนเพ็ญจึงเป็นการทำเพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของพญานาคที่ช่วยคุ้มครองพระศาสนานั่นเอง
หากพูดถึงลอยกระทงในประเทศไทย ตำนานที่โด่งดังที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องราวของ "นางนพมาศ" พระสนมเอกของพระร่วงแห่งกรุงสุโขทัย ซึ่งปรากฏในหนังสือ "ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์"
เล่ากันว่า นางนพมาศเป็นผู้มีความคิดสร้างสรรค์ ได้ประดิษฐ์กระทงเป็นรูปดอกบัวโกมุทที่งดงามวิจิตรขึ้นเป็นคนแรก เพื่อใช้ในพระราชพิธีลอยพระประทีป สร้างความพอพระราชหฤทัยแก่พระร่วงเป็นอย่างยิ่ง พระองค์จึงมีรับสั่งให้ยึดถือรูปแบบกระทงดอกบัวนี้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบไปจนถึงปัจจุบัน
กิจกรรมในวันลอยกระทง 2568
ในคืนวันลอยกระทง ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยจะมีการจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ บรรยากาศจะเต็มไปด้วยแสงเทียนและรอยยิ้ม กิจกรรมที่พบเห็นได้ทั่วไป ได้แก่
การประดิษฐ์และลอยกระทง: ครอบครัวและเพื่อนฝูงจะมารวมตัวกันทำกระทงจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ใบตอง หยวกกล้วย และประดับด้วยดอกไม้ ธูป เทียน อย่างสวยงาม
การประกวดกระทงและนางนพมาศ: ไฮไลท์ของงานในหลายพื้นที่คือการประกวดกระทงขนาดใหญ่ที่มีความวิจิตรงดงาม และการประกวดนางนพมาศเพื่อเฟ้นหาสาวงามประจำปี
การแสดงมหรสพและวัฒนธรรม: มีการจัดแสดงดนตรี การฟ้อนรำ และการละเล่นพื้นบ้าน เพื่อสร้างความสนุกสนานและสืบสานศิลปะของไทย
การปล่อยโคมลอย: โดยเฉพาะประเพณียี่เป็งของภาคเหนือ ภาพโคมลอยนับพันดวงที่สว่างไสวเต็มท้องฟ้าถือเป็นภาพที่น่าประทับใจและดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
ประเพณี และที่เที่ยววันลอยกระทง
วันลอยกระทง ประเพณีอันงดงามที่อยู่คู่กับวิถีชีวิตคนไทยมาช้านาน ในปี 2568 นี้ ตรงกับ วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน คืนวันเพ็ญเดือนสิบสองที่พระจันทร์เต็มดวงจะส่องสว่างทั่วผืนน้ำ เป็นสัญญาณแห่งการเริ่มต้นเฉลิมฉลอง เพื่อขอขมาพระแม่คงคา และลอยทุกข์โศกโรคภัยให้ไหลไปกับสายน้ำ พร้อมต้อนรับสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต สำหรับใครที่กำลังวางแผนเดินทางไปสัมผัสบรรยากาศความงดงามของประเพณีลอยกระทงในปี 2568 นี้ เราได้รวบรวมสถานที่จัดงานที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นทั่วประเทศไทยมาให้คุณได้เลือกสรร
5 พิกัดเด่น เที่ยววันลอยกระทง 2568
"เผาเทียน เล่นไฟ" ต้นกำเนิดแห่งประเพณี จ.สุโขทัย
สัมผัสความยิ่งใหญ่ตระการตาของประเพณีลอยกระทง ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ต้นตำนานที่เชื่อว่าประเพณีนี้ถือกำเนิดขึ้น ไฮไลท์สำคัญคืองานประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ ที่จะเนรมิตโบราณสถานให้สว่างไสวด้วยแสงไฟและการแสดงแสง สี เสียงสุดอลังการ บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์และความรุ่งเรืองของกรุงสุโขทัย พร้อมกิจกรรมมากมาย เช่น ตลาดโบราณ และการแสดงพลุตะไลไฟพะเนียง
"ประเพณียี่เป็ง" มนต์เสน่ห์แห่งโคมล้านนา จ.เชียงใหม่
ขึ้นเหนือไปสัมผัสอากาศเย็นสบายพร้อมชมความงดงามของ ประเพณียี่เป็ง ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชาวล้านนา "ยี่เป็ง" แปลว่า วันเพ็ญเดือนสองของชาวล้านนา กิจกรรมโดดเด่นคือการปล่อย "โคมลอย" ขึ้นสู่ท้องฟ้ายามค่ำคืน เชื่อว่าเป็นการปล่อยทุกข์โศกและเรื่องร้ายๆ ออกไป ภาพโคมลอยนับพันดวงสว่างไสวเต็มท้องฟ้า ถือเป็นภาพที่น่าประทับใจและดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
"ลอยกระทงสายไหลประทีป ๑,๐๐๐ ดวง" จ.ตาก
ชมความมหัศจรรย์ของประเพณี "ลอยกระทงสายไหลประทีป ๑,๐๐๐ ดวง" ที่ริมฝั่งแม่น้ำปิง จังหวัดตาก เอกลักษณ์ของที่นี่คือการใช้กะลามะพร้าวเป็นวัสดุหลักในการทำกระทง แล้วนำมาลอยต่อกันเป็นสายยาวในแม่น้ำ ทำให้เกิดเป็นแสงไฟระยิบระยับทอดยาวไปตามลำน้ำอย่างงดงาม เป็นภาพที่หาชมได้ยากและมีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร
"สีสันแห่งสายน้ำเจ้าพระยา" จ.กรุงเทพมหานครเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ ก็มีกิจกรรมลอยกระทงให้เลือกหลากหลาย ทั้งบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ประดับประดาด้วยแสงไฟงดงาม หรือในสวนสาธารณะใจกลางเมือง นอกจากนี้ยังมีบริการ ล่องเรือดินเนอร์ ชมวิวสองฝั่งแม่น้ำยามค่ำคืนที่ประดับไฟสวยงามตามโรงแรมและสถานที่สำคัญต่างๆ
ลอยกระทงในเมืองมรดกโลก จ.พระนครศรีอยุธยา
เปลี่ยนบรรยากาศไปลอยกระทงท่ามกลางโบราณสถานเก่าแก่ที่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา การได้ลอยกระทงโดยมีฉากหลังเป็นวัดและเจดีย์เก่าแก่ที่ส่องแสงไฟในยามค่ำคืนนั้น เป็นประสบการณ์ที่เปี่ยมด้วยมนต์ขลังและน่าประทับใจ โดยมีกิจกรรมเด่น เช่น การลอยกระทงริมแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำป่าสัก, การประดับไฟตามโบราณสถาน
ปัจจุบันการลอยกระทงยุคใหม่ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม กำลังเป็นกระแสการรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญ การลอยกระทงจึงมีการรณรงค์ให้เลือกใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้ง่ายตามธรรมชาติ เช่น กระทงที่ทำจากใบตองล้วน กระทงขนมปังสำหรับเป็นอาหารปลา หรือกระทงน้ำแข็ง เพื่อลดปริมาณขยะและผลกระทบต่อแหล่งน้ำ
ดังนั้น ในวันพุธที่ 5 พฤศจิกายน 2568 ที่จะถึงนี้ เป็นอีกหนึ่งประเพณีอันงดงามที่นักท่องเที่ยวและชาวไทยเริ่มมีการวางแผนการเดินทางไปยังสถานที่จัดงานใกล้บ้าน หรือแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอย่างสุโขทัย เชียงใหม่ หรือริมแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพฯ เพื่อสัมผัสกับเสน่ห์แห่งค่ำคืนวันเพ็ญ และร่วมกันสืบสานประเพณีลอยกระทงให้คงอยู่คู่สังคมไทยต่อไป
ใกล้เข้ามาอีกครั้งสำหรับหนึ่งในเทศกาลที่งดงามและเปี่ยมด้วยมนต์เสน่ห์ที่สุดของประเทศไทยกับประเพณี "ลอยกระทง" ซึ่งในปี พ.ศ. 2568 นี้ จะตรงกับ วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน 2568 คืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง (ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12) ที่พระจันทร์เต็มดวงจะทอแสงนวลส่องสว่างทั่วผืนน้ำ เปิดโอกาสให้ชาวไทยได้ร่วมกันสืบสานวัฒนธรรมอันดีงามที่มีมาแต่โบราณ
ความสำคัญและความเชื่อในวันลอยกระทง 2568
ประเพณีลอยกระทงไม่ได้เป็นเพียงการนำกระทงไปลอยในแม่น้ำลำคลอง แต่ยังผูกพันกับความเชื่อและวิถีชีวิตของคนไทยอย่างลึกซึ้ง โดยมีความสำคัญในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการขอขมาพระแม่คงคา ซึ่งเป็นความเชื่อหลักที่แสดงความกตัญญูและขอขมาต่อพระแม่คงคา เทวีแห่งสายน้ำ การลอยกระทงจึงเปรียบเสมือนการขออภัยและขอบคุณสำหรับคุณประโยชน์ของสายน้ำ
รวมถึงการบูชารอยพระพุทธบาท ตามตำนานกล่าวว่า เป็นการลอยกระทงเพื่อบูชารอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าที่ประทับไว้ ณ หาดทรายริมแม่น้ำนัมมทานทีในประเทศอินเดีย
ความเชื่อในการลอยทุกข์โศกและสิ่งไม่ดี ที่ผู้คนนิยมใส่เหรียญเงินลงในกระทง แล้วอธิษฐานขอให้กระทงช่วยนำพาความทุกข์ ความเศร้าโศก โรคภัยไข้เจ็บ และสิ่งไม่ดีทั้งหลายให้ลอยไปกับสายน้ำ ถือเป็นการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ ที่ดีในชีวิต รวมถึงบางท้องถิ่น ที่ถือว่าเป็นการบูชาพระอุปคุตเถระ ที่บำเพ็ญบริกรรมคาถาอยู่ในท้องทะเลลึกหรือสะดือทะเล
ประวัติวันลอยกระทง
ประวัติของวันลอยกระทงไม่ได้มีบันทึกที่ชัดเจนเพียงหนึ่งเดียว แต่เป็นประเพณีที่หยั่งรากลึกอยู่ในวัฒนธรรมของผู้คนแถบเอเชีย โดยผูกพันกับความเชื่อทางศาสนาทั้งพุทธและพราหมณ์-ฮินดู ซึ่งต่างก็มีตำนานและเรื่องเล่าที่น่าสนใจแตกต่างกันไป รากฐานแห่งศรัทธา 3 ตำนานความเชื่อดั้งเดิม
แก่นแท้ของการลอยกระทงในยุคแรกเริ่ม คือการแสดงความเคารพและบูชาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยมีตำนานความเชื่อหลักๆ ดังนี้
เพื่อเป็นพุทธบูชาต่อ "รอยพระพุทธบาท"ตำนานที่ชาวพุทธคุ้นเคยที่สุด เล่าว่าในสมัยพุทธกาล หลังจากพระพุทธเจ้าเสวยข้าวมธุปายาสที่นางสุชาดาถวายแล้ว ได้ทรงนำถาดทองลอยในแม่น้ำเนรัญชราและอธิษฐานว่า "หากจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ขอให้ถาดทองลอยทวนน้ำ" ปรากฏว่าถาดได้ลอยทวนน้ำขึ้นไปจนถึงพิภพของพญานาค พญานาคจึงเกิดความเลื่อมใสและทูลขอให้พระองค์ประทับรอยพระบาทไว้ริมฝั่งแม่น้ำ เพื่อให้เหล่านาคได้ขึ้นมาสักการะ การลอยกระทงจึงเปรียบเสมือนการบูชารอยพระพุทธบาทอันศักดิ์สิทธิ์นั้นสืบต่อมา
เพื่อบูชาเทพเจ้าสูงสุดของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูในอีกทางหนึ่ง เชื่อว่าประเพณีนี้ได้รับอิทธิพลมาจากการทำพิธี "ลอยโคมประทีป" ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เพื่อบูชามหาเทพทั้งสาม คือ พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม ต่อมาชาวพุทธได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบมาเป็นการใช้กระทงดอกบัวลอยไปตามสายน้ำ เพื่อบูชารอยพระพุทธบาทแทน
เพื่อรำลึกถึง "พญานาค" ผู้ปกป้องพระพุทธศาสนาอีกหนึ่งตำนานกล่าวถึงสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชที่ทรงตั้งพระทัยจะสร้างเจดีย์ 84,000 องค์ แต่ถูกพญามารขัดขวาง พระอุปคุตมหาเถระจึงต้องไปขอให้พญานาคมาช่วยปราบมารจนสำเร็จ การลอยกระทงในคืนเดือนเพ็ญจึงเป็นการทำเพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของพญานาคที่ช่วยคุ้มครองพระศาสนานั่นเอง
หากพูดถึงลอยกระทงในประเทศไทย ตำนานที่โด่งดังที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องราวของ "นางนพมาศ" พระสนมเอกของพระร่วงแห่งกรุงสุโขทัย ซึ่งปรากฏในหนังสือ "ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์"
เล่ากันว่า นางนพมาศเป็นผู้มีความคิดสร้างสรรค์ ได้ประดิษฐ์กระทงเป็นรูปดอกบัวโกมุทที่งดงามวิจิตรขึ้นเป็นคนแรก เพื่อใช้ในพระราชพิธีลอยพระประทีป สร้างความพอพระราชหฤทัยแก่พระร่วงเป็นอย่างยิ่ง พระองค์จึงมีรับสั่งให้ยึดถือรูปแบบกระทงดอกบัวนี้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบไปจนถึงปัจจุบัน
กิจกรรมในวันลอยกระทง 2568
ในคืนวันลอยกระทง ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยจะมีการจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ บรรยากาศจะเต็มไปด้วยแสงเทียนและรอยยิ้ม กิจกรรมที่พบเห็นได้ทั่วไป ได้แก่
การประดิษฐ์และลอยกระทง: ครอบครัวและเพื่อนฝูงจะมารวมตัวกันทำกระทงจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ใบตอง หยวกกล้วย และประดับด้วยดอกไม้ ธูป เทียน อย่างสวยงาม
การประกวดกระทงและนางนพมาศ: ไฮไลท์ของงานในหลายพื้นที่คือการประกวดกระทงขนาดใหญ่ที่มีความวิจิตรงดงาม และการประกวดนางนพมาศเพื่อเฟ้นหาสาวงามประจำปี
การแสดงมหรสพและวัฒนธรรม: มีการจัดแสดงดนตรี การฟ้อนรำ และการละเล่นพื้นบ้าน เพื่อสร้างความสนุกสนานและสืบสานศิลปะของไทย
การปล่อยโคมลอย: โดยเฉพาะประเพณียี่เป็งของภาคเหนือ ภาพโคมลอยนับพันดวงที่สว่างไสวเต็มท้องฟ้าถือเป็นภาพที่น่าประทับใจและดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
ประเพณี และที่เที่ยววันลอยกระทง
วันลอยกระทง ประเพณีอันงดงามที่อยู่คู่กับวิถีชีวิตคนไทยมาช้านาน ในปี 2568 นี้ ตรงกับ วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน คืนวันเพ็ญเดือนสิบสองที่พระจันทร์เต็มดวงจะส่องสว่างทั่วผืนน้ำ เป็นสัญญาณแห่งการเริ่มต้นเฉลิมฉลอง เพื่อขอขมาพระแม่คงคา และลอยทุกข์โศกโรคภัยให้ไหลไปกับสายน้ำ พร้อมต้อนรับสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต สำหรับใครที่กำลังวางแผนเดินทางไปสัมผัสบรรยากาศความงดงามของประเพณีลอยกระทงในปี 2568 นี้ เราได้รวบรวมสถานที่จัดงานที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นทั่วประเทศไทยมาให้คุณได้เลือกสรร
5 พิกัดเด่น เที่ยววันลอยกระทง 2568
"เผาเทียน เล่นไฟ" ต้นกำเนิดแห่งประเพณี จ.สุโขทัย
สัมผัสความยิ่งใหญ่ตระการตาของประเพณีลอยกระทง ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ต้นตำนานที่เชื่อว่าประเพณีนี้ถือกำเนิดขึ้น ไฮไลท์สำคัญคืองานประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ ที่จะเนรมิตโบราณสถานให้สว่างไสวด้วยแสงไฟและการแสดงแสง สี เสียงสุดอลังการ บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์และความรุ่งเรืองของกรุงสุโขทัย พร้อมกิจกรรมมากมาย เช่น ตลาดโบราณ และการแสดงพลุตะไลไฟพะเนียง
"ประเพณียี่เป็ง" มนต์เสน่ห์แห่งโคมล้านนา จ.เชียงใหม่
ขึ้นเหนือไปสัมผัสอากาศเย็นสบายพร้อมชมความงดงามของ ประเพณียี่เป็ง ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชาวล้านนา "ยี่เป็ง" แปลว่า วันเพ็ญเดือนสองของชาวล้านนา กิจกรรมโดดเด่นคือการปล่อย "โคมลอย" ขึ้นสู่ท้องฟ้ายามค่ำคืน เชื่อว่าเป็นการปล่อยทุกข์โศกและเรื่องร้ายๆ ออกไป ภาพโคมลอยนับพันดวงสว่างไสวเต็มท้องฟ้า ถือเป็นภาพที่น่าประทับใจและดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
"ลอยกระทงสายไหลประทีป ๑,๐๐๐ ดวง" จ.ตาก
ชมความมหัศจรรย์ของประเพณี "ลอยกระทงสายไหลประทีป ๑,๐๐๐ ดวง" ที่ริมฝั่งแม่น้ำปิง จังหวัดตาก เอกลักษณ์ของที่นี่คือการใช้กะลามะพร้าวเป็นวัสดุหลักในการทำกระทง แล้วนำมาลอยต่อกันเป็นสายยาวในแม่น้ำ ทำให้เกิดเป็นแสงไฟระยิบระยับทอดยาวไปตามลำน้ำอย่างงดงาม เป็นภาพที่หาชมได้ยากและมีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร
"สีสันแห่งสายน้ำเจ้าพระยา" จ.กรุงเทพมหานครเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ ก็มีกิจกรรมลอยกระทงให้เลือกหลากหลาย ทั้งบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ประดับประดาด้วยแสงไฟงดงาม หรือในสวนสาธารณะใจกลางเมือง นอกจากนี้ยังมีบริการ ล่องเรือดินเนอร์ ชมวิวสองฝั่งแม่น้ำยามค่ำคืนที่ประดับไฟสวยงามตามโรงแรมและสถานที่สำคัญต่างๆ
ลอยกระทงในเมืองมรดกโลก จ.พระนครศรีอยุธยา
เปลี่ยนบรรยากาศไปลอยกระทงท่ามกลางโบราณสถานเก่าแก่ที่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา การได้ลอยกระทงโดยมีฉากหลังเป็นวัดและเจดีย์เก่าแก่ที่ส่องแสงไฟในยามค่ำคืนนั้น เป็นประสบการณ์ที่เปี่ยมด้วยมนต์ขลังและน่าประทับใจ โดยมีกิจกรรมเด่น เช่น การลอยกระทงริมแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำป่าสัก, การประดับไฟตามโบราณสถาน
ปัจจุบันการลอยกระทงยุคใหม่ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม กำลังเป็นกระแสการรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญ การลอยกระทงจึงมีการรณรงค์ให้เลือกใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้ง่ายตามธรรมชาติ เช่น กระทงที่ทำจากใบตองล้วน กระทงขนมปังสำหรับเป็นอาหารปลา หรือกระทงน้ำแข็ง เพื่อลดปริมาณขยะและผลกระทบต่อแหล่งน้ำ
ดังนั้น ในวันพุธที่ 5 พฤศจิกายน 2568 ที่จะถึงนี้ เป็นอีกหนึ่งประเพณีอันงดงามที่นักท่องเที่ยวและชาวไทยเริ่มมีการวางแผนการเดินทางไปยังสถานที่จัดงานใกล้บ้าน หรือแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอย่างสุโขทัย เชียงใหม่ หรือริมแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพฯ เพื่อสัมผัสกับเสน่ห์แห่งค่ำคืนวันเพ็ญ และร่วมกันสืบสานประเพณีลอยกระทงให้คงอยู่คู่สังคมไทยต่อไป
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว สังเพ็ชร ด้วยครับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับขอให้นางบุญ ไปสู่ภพภูมิที่ดีขอขอบคุณที่มาใช้บริการ ห้องภาพ ดีเจจ๊ะเอ๋ และห้องเสื้อวราภรณ์ ร้านเปิด06.00ปิด 20.00น.เสาร์ อาทิตย์ก็เปิดให้บริการนะครับ 0612301227 0506299771
กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศพายุ "แมตโม" ฉบับสุดท้าย เตือน 8 จังหวัดไทยตอนบน รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง
วันที่ 7 ต.ค. 68 กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเรื่อง พายุ "แมตโม" ฉบับที่ 15 ซึ่งเป็นฉบับสุดท้ายของเหตุการณ์นี้ โดยระบุว่า เมื่อเวลา 01.00 น. ของวันนี้ (7 ต.ค. 68) พายุโซนร้อน "แมตโม" ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง บริเวณประเทศเวียดนามตอนบนแล้ว
จากอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่อ่อนกำลังลงจากพายุ "แมตโม" ส่งผลให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งด้านรับมรสุมของภาคตะวันออก
ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองจังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากฝนตกหนัก
วันที่ 7 ต.ค. 68
ภาคเหนือ : จังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ และ เพชรบูรณ์
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ และ สกลนคร
ขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์ กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือโทร 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.
วันที่ 7 ต.ค. 68 กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเรื่อง พายุ "แมตโม" ฉบับที่ 15 ซึ่งเป็นฉบับสุดท้ายของเหตุการณ์นี้ โดยระบุว่า เมื่อเวลา 01.00 น. ของวันนี้ (7 ต.ค. 68) พายุโซนร้อน "แมตโม" ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง บริเวณประเทศเวียดนามตอนบนแล้ว
จากอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่อ่อนกำลังลงจากพายุ "แมตโม" ส่งผลให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งด้านรับมรสุมของภาคตะวันออก
ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองจังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากฝนตกหนัก
วันที่ 7 ต.ค. 68
ภาคเหนือ : จังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ และ เพชรบูรณ์
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ และ สกลนคร
ขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์ กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือโทร 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.
Callsign ของนักวิทยุสมัครเล่น เรียกเป็นภาษาไทยให้ถูกต้องว่า “สัญญาณเรียกขาน” !!!ไม่ใช่ นามเรียกขาน!!!
ลองดูที่ใบอนุญาตพนักงานวิทยุสมัครเล่นของตัวท่านเองดูสิ...
ถ้านักวิทยุสมัครเล่นท่านใด ในใบอนุญาตพนักงานวิทยุสมัครเล่นของท่านเขียนคำว่า “นามเรียกขาน” กรุณานำใบอนุญาตพนักงานวิทยุสมัครเล่น มาที่งาน RAST Meeting แอดฯ จะเลี้ยงข้าวฟรี 1 มื้อ
ลองดูที่ใบอนุญาตพนักงานวิทยุสมัครเล่นของตัวท่านเองดูสิ...
ถ้านักวิทยุสมัครเล่นท่านใด ในใบอนุญาตพนักงานวิทยุสมัครเล่นของท่านเขียนคำว่า “นามเรียกขาน” กรุณานำใบอนุญาตพนักงานวิทยุสมัครเล่น มาที่งาน RAST Meeting แอดฯ จะเลี้ยงข้าวฟรี 1 มื้อ
ประกาศๆๆๆจร้า องค์การบริหารส่วนตำบลน้ำโมง ขอเชิญเที่ยวงานประเพณีแข่งเรือท้องถิ่น ศึกชิงความเร็วเจ้าสายน้ำตำบลน้ำโมง ประจำปีงบประมาณ 2569
ในวันที่ 9 ตุลาคม 2568 ณ หนองน้ำสาธารณะบ้านทุ่ม ตำบลน้ำโมง อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย
เงินรางวัลประเภทเรือชาย
รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1 จำนวน 8,000 บาท
รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 จำนวน 7,000 บาท
รางวัลรองชนะเลิศลำดับที่ 2 จำนวน 6,500 บาท
รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 3 จำนวน 5,500 บาท
เงินรางวัลประเภทเรือหญิง
รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1 จำนวน 6,000 บาท
รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 จำนวน 5,000 บาท
รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 จำนวน 4,000 บาท
รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 3 จำนวน 3,000 บาท
ชมการแข่งขันเรือท้องถิ่น..เชียร์สะท้านฟ้ากับสุดยอดฝีพายไม่เกิน 5 ฝีพาย แข่งเรือก็มันส์..คนเชียร์ก็ลุ้น..แล้วพบกัน 9 ตุลาคม 2568 ณ หนองน้ำสาธารณะบ้านทุ่ม ค่ะ
#กองการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม
อบต. น้ำโมง
โทร. 042-414-713
ในวันที่ 9 ตุลาคม 2568 ณ หนองน้ำสาธารณะบ้านทุ่ม ตำบลน้ำโมง อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย
เงินรางวัลประเภทเรือชาย
รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1 จำนวน 8,000 บาท
รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 จำนวน 7,000 บาท
รางวัลรองชนะเลิศลำดับที่ 2 จำนวน 6,500 บาท
รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 3 จำนวน 5,500 บาท
เงินรางวัลประเภทเรือหญิง
รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1 จำนวน 6,000 บาท
รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 จำนวน 5,000 บาท
รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 จำนวน 4,000 บาท
รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 3 จำนวน 3,000 บาท
ชมการแข่งขันเรือท้องถิ่น..เชียร์สะท้านฟ้ากับสุดยอดฝีพายไม่เกิน 5 ฝีพาย แข่งเรือก็มันส์..คนเชียร์ก็ลุ้น..แล้วพบกัน 9 ตุลาคม 2568 ณ หนองน้ำสาธารณะบ้านทุ่ม ค่ะ
#กองการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม
อบต. น้ำโมง
โทร. 042-414-713
โพสต์ครั้งที่ 4 กฎระเบียบยังคงเหมือนเดิม ..
#ขอแจ้งขั้นตอนการ ขอต่ออายุออกบัตรใหม่ของพนักงานนักวิทยุสมัครเล่นตามดังต่อไปนี้
1. บัตรหมดอายุตามปกติต่ออายุก่อนล่วงหน้าก่อนวันหมดอายุ 1 วันหรือต่อได้ล่วงหน้าไม่เกิน 60 วัน เสียค่าธรรมเนียม ต่ออายุ 214 บาท
2. บัตรหมดอายุไม่เกิน 2 ปี เสียค่าปรับต่อใหม่ปีละ 50 บาท ใช้คอนซายด์เดิม 2.1 บัตรหมดอายุ 1 ปี
ค่าธรรมเนียม 264 บาท 2.2 บัตรหมดอายุ 2 ปี
ค่าธรรมเนียม 314 บาท
3. บัตรหมดอายุเกิน 2 ปี ไม่เคยออกใบอนุญาตขอมีใช้เครื่องวิทยุคมนาคม
เสียค่าธรรมเนียม 214 บาท แต่ต้องได้รับรหัสคอนซายด์ ใหม่
4.บัตรหมดอายุเกิน 2 ปี เคยขอมีใช้วิทยุคมนาคมเอาไว้ในครอบครอง ต้องเสียค่าปรับก่อน 5,000 บาท ( ระงับคดีครอบครองเครื่องผิดกฎหมาย ) ก่อนขอออกรหัสคอนซายด์ ใหม่ชำระค่าธรรมเนียม 214 บาท
หมายเหตุ . บัตรขาดอายุเกิน 2 ปี มีใบอนุญาตมีใช้เครื่องวิทยุสื่อสารเอาไว้ครอบครอง อาจไม่เสียค่าปรับก็ได้
ขึ้นอยู่กับดึงพินิจ นิติกรประจำสำนักงาน กสทช เขตนั้นๆ
ก่อนไปพบเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสทช ต้องสมัครเป็นสมาชิก ของสมาคมนักวิทยุสมัครเล่นก่อนสมาคมไหนก็ได้
ถ้าหากไม่ประสงค์ครอบครองเครื่องเก่าแล้ว ( ไม่อยากเสียค่าปรับ 5,000 บาท )ให้ไปสถานีตำรวจ ไปขอเอกสารใบแจ้งความ ว่าเครื่องวิทยุสื่อสาร ยี่ห้อและรุ่น ที่เคยมีได้พังชำรุดสูญหายไปแล้ว และนำใบแจ้งความไปยื่นให้เจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตพิจารณา .
ในกรณีบัตรหมดอายุตามปกติไม่เกิน 2 ปี สามารถดำเนินการต่ออายุบัตรหรือขอออกใบอนุญาตต่างๆ สามารถดำเนินการด้วยตัวของท่านเองไปที่สำนักงาน กสทช เฃต โดยตรงหรือทำการด้วยระบบออนไลน์ด้วยตัวท่านเอง หรือให้ผู้ชำนาญการด้านขอออกใบอนุญาตดำเนินการให้ ก็ได้ แล้วแต่ความสะดวกแต่ละท่าน
ยกเว้นเคสที่ต้องไปพบนิติกรเพื่อเสียค่าปรับระงับคดี หรือบัตรพนักงานนักวิทยุสมัครเล่น หมดอายุเกิน 2 ปีแล้ว
HS7QBD สามพราน นครปฐม
กลุ่มเพื่อน Ch 144.8125 MHz
ไอดีไลน์ fmdd
โทรศัพท์ 0655563911 ..
รับบริการต่อบัตรพนักงานขอรับใบอนุญาตจากสำนักงาน กสทช ทุกประเภท
#ขอแจ้งขั้นตอนการ ขอต่ออายุออกบัตรใหม่ของพนักงานนักวิทยุสมัครเล่นตามดังต่อไปนี้
1. บัตรหมดอายุตามปกติต่ออายุก่อนล่วงหน้าก่อนวันหมดอายุ 1 วันหรือต่อได้ล่วงหน้าไม่เกิน 60 วัน เสียค่าธรรมเนียม ต่ออายุ 214 บาท
2. บัตรหมดอายุไม่เกิน 2 ปี เสียค่าปรับต่อใหม่ปีละ 50 บาท ใช้คอนซายด์เดิม 2.1 บัตรหมดอายุ 1 ปี
ค่าธรรมเนียม 264 บาท 2.2 บัตรหมดอายุ 2 ปี
ค่าธรรมเนียม 314 บาท
3. บัตรหมดอายุเกิน 2 ปี ไม่เคยออกใบอนุญาตขอมีใช้เครื่องวิทยุคมนาคม
เสียค่าธรรมเนียม 214 บาท แต่ต้องได้รับรหัสคอนซายด์ ใหม่
4.บัตรหมดอายุเกิน 2 ปี เคยขอมีใช้วิทยุคมนาคมเอาไว้ในครอบครอง ต้องเสียค่าปรับก่อน 5,000 บาท ( ระงับคดีครอบครองเครื่องผิดกฎหมาย ) ก่อนขอออกรหัสคอนซายด์ ใหม่ชำระค่าธรรมเนียม 214 บาท
หมายเหตุ . บัตรขาดอายุเกิน 2 ปี มีใบอนุญาตมีใช้เครื่องวิทยุสื่อสารเอาไว้ครอบครอง อาจไม่เสียค่าปรับก็ได้
ขึ้นอยู่กับดึงพินิจ นิติกรประจำสำนักงาน กสทช เขตนั้นๆ
ก่อนไปพบเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสทช ต้องสมัครเป็นสมาชิก ของสมาคมนักวิทยุสมัครเล่นก่อนสมาคมไหนก็ได้
ถ้าหากไม่ประสงค์ครอบครองเครื่องเก่าแล้ว ( ไม่อยากเสียค่าปรับ 5,000 บาท )ให้ไปสถานีตำรวจ ไปขอเอกสารใบแจ้งความ ว่าเครื่องวิทยุสื่อสาร ยี่ห้อและรุ่น ที่เคยมีได้พังชำรุดสูญหายไปแล้ว และนำใบแจ้งความไปยื่นให้เจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตพิจารณา .
ในกรณีบัตรหมดอายุตามปกติไม่เกิน 2 ปี สามารถดำเนินการต่ออายุบัตรหรือขอออกใบอนุญาตต่างๆ สามารถดำเนินการด้วยตัวของท่านเองไปที่สำนักงาน กสทช เฃต โดยตรงหรือทำการด้วยระบบออนไลน์ด้วยตัวท่านเอง หรือให้ผู้ชำนาญการด้านขอออกใบอนุญาตดำเนินการให้ ก็ได้ แล้วแต่ความสะดวกแต่ละท่าน
ยกเว้นเคสที่ต้องไปพบนิติกรเพื่อเสียค่าปรับระงับคดี หรือบัตรพนักงานนักวิทยุสมัครเล่น หมดอายุเกิน 2 ปีแล้ว
HS7QBD สามพราน นครปฐม
กลุ่มเพื่อน Ch 144.8125 MHz
ไอดีไลน์ fmdd
โทรศัพท์ 0655563911 ..
รับบริการต่อบัตรพนักงานขอรับใบอนุญาตจากสำนักงาน กสทช ทุกประเภท
พายุบัวลอยเข้าไทยเต็ม ๆ กรมอุตุฯ ประกาศ ฉบับที่ 9 เปิดรายชื่อจังหวัดเตรียมรับมือ
เมื่อช่วงดึกของวันที่ 28 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ศูนย์ประชาสัมพันธ์กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุบัวลอย และฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย ฉบับที่ 9 (270/2568) โดยระบุว่า เมื่อเวลา 22.00 น. ของวันนี้ (28 ก.ย. 68) พายุไต้ฝุ่น บัวลอย (BUALOI) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเมืองกว๋างบิ่ญ ประเทศเวียดนาม ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 32 กิโลเมตร หรือที่ละติจูด 17.7 องศาเหนือ ลองจิจูด 106.7 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณเมืองกว๋างบิ่ญ ประเทศเวียดนามตอนบน ในวันที่ 29 กันยายน 2568 หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ
จากอิทธิพลของพายุ บัวลอย ส่งผลให้ในช่วงวันที่ 28-30 ก.ย. 68 ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรง
ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักมากบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามแนวขอบของพายุ รวมถึงด้านรับมรสุมในภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 30 ก.ย. 68ขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์ กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือโทร 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณเมืองกว๋างบิ่ญ ประเทศเวียดนามตอนบน ในวันที่ 29 กันยายน 2568 หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ
จากอิทธิพลของพายุ บัวลอย ส่งผลให้ในช่วงวันที่ 28-30 ก.ย. 68 ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรง
ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักมากบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามแนวขอบของพายุ รวมถึงด้านรับมรสุมในภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 30 ก.ย. 68ขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์ กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือโทร 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ด่วนที่สุด
จาก : ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย/ผู้อำนวยการจังหวัด
ถึง:
หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
ประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคาย
ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดหนองคาย
นายอำเภอ/ผู้อำนวยการอำเภอทุก อำเภอ
นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองคาย
นายกเทศมนตรีเมืองหนองคาย/เมืองท่าบ่อ
ผู้อำนวยการท้องถิ่น
แจ้งเตือนเน้นย้ำเฝ้าระวังสถานการณ์ฝนตกหนักถึงหนักมาก อ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่า
ร้อยละ 80 ของความจุเก็บกัก และผลกระทบจากระดับน้ำในแม่น้ำโขงเปลี่ยนแปลง
ระหว่างวันที่ 28 - 30 กันยายน 2568
กรมอุตุนิยมวิทยา ได้มีประกาศฉบับที่ 2 (263/2568) ลงวันที่ 27 กันยายน 2568 เวลา 05.00 น. แจ้งว่าเมื่อเวลา 04.00 น. ของวันที่ 27 กันยายน 2568 พายุโซนร้อนกำลังแรง “บัวลอย” บริเวณทะเลจีนใต้ มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 13.1 องศาเหนือ ลองจิจูด 118.3 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัว ทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนตามแนวชายฝั่งบริเวณสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และในช่วงวันที่ 28 - 29 กันยายน 2568 จะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ จากอิทธิพลของพายุ “บัวลอย” ส่งผลให้ในช่วงวันที่ 28 – 30 กันยายน 2568 ร่องมรสุมกำลังแรงจะพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักมากบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยจังหวัดหนองคาย เป็นพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์ฝนตกหนักถึงหนักมาก ระหว่างวันที่ 28 - 30 กันยายน 2568
ประกอบกับโครงการชลประทานหนองคาย แจ้งการระบายน้ำในอ่างเก็บน้ำ 3 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำห้วยทอน (ตอนบน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านบางกอกน้อย ตำบลด่านศรีสุข อำเภอโพธิ์ตาก จังหวัดหนองคาย อ่างเก็บน้ำห้วยหินแก้ว อันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านดอนขนุน ตำบลด่านศรีสุข อำเภอโพธิ์ตาก จังหวัดหนองคาย และอ่างเก็บน้ำห้วยไฮ บ้านห้วยหินขาว ตำบลด่านศรีสุข อำเภอโพธิ์ตาก จังหวัดหนองคาย ปัจจุบันปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้ง 3 อ่างฯ มีปริมาณน้ำเกินระดับควบคุม ตามเกณฑ์ที่กำหนด ประกอบกับได้มีได้รับแจ้งเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยา ในช่วงวันที่ 28 - 29 กันยายน 2586 จะมีอิทธิพลของพายุ “บัวลอย” ที่จะส่งผลกระทบต่อจังหวัดหนองคาย โดยจะมีปริมาณฝนเพิ่มขึ้น เพื่อให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้ง 3 อยู่ในปริมาณที่มีความปลอดภัย อยู่ในระดับควบคุมตามเกณฑ์ที่กำหนด โครงการชลประทานหนองคายมีความจำเป็นต้องระบายน้ำต่อวันตามปริมาณ ดังนี้
1. อ่างเก็บน้ำห้วยทอน (ตอนบน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านบางกอกน้อย ตำบลด่านศรีสุข อำเภอโพธิ์ตาก จังหวัดหนองคาย ความจุระดับเก็บกัก 7.80 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบัน ความจุ 7.381 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 94.70 ของความจุเก็บกัก มีน้ำระบายต่อวันของอ่างฯ 0.413 ล้าน ลบ.ม. ที่จะระบายผ่านอาคารระบายของอ่างฯ
2. อ่างเก็บน้ำห้วยหินแก้ว อันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านดอนขนุน ตำบลด่านศรีสุข อำเภอโพธิ์ตาก จังหวัดหนองคาย ความจุระดับเก็บกัก 4.00 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบัน ความจุ 3.489 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 97.50 ของความจุเก็บกัก มีน้ำระบายต่อวันของอ่างฯ 0.438 ล้าน ลบ.ม. ที่จะระบายผ่านอาคารระบายของอ่างฯ
3. อ่างเก็บน้ำห้วยไฮ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านห้วยหินขาว ตำบลด่านศรีสุข อำเภอโพธิ์ตาก จังหวัดหนองคาย ความจุระดับเก็บกัก 4.10 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบัน ความจุ 3.950 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 96.40 ของความจุเก็บกัก มีน้ำระบายต่อวันของอ่างฯ 0.486 ล้าน ลบ.ม. ที่จะระบายผ่านอาคารระบายของอ่างฯ
รวมปริมาณน้ำทั้ง 3 อ่างฯ ที่ต้องระบายต่อวัน เป็น 1.337 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวันลงไปตามลำห้วยทอน โดยเป็นการบริหารจัดการน้ำโดยการพร่องน้ำ ระบายน้ำ ซึ่งเป็นการควบคุมการระบายน้ำมิให้ราษฎรด้านท้ายอ่างฯ ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมขัง แต่อย่างไรก็ดี ยังคงมีปริมาณน้ำที่ไหลไปตามลำห้วยทอนผ่านไปยัง
ฝายห้วยทอน (ตอนล่าง) และไหลไปยังลำห้วยน้ำโมง ซึ่งอาจมีผลทำให้พื้นที่การเกษตรริมลำห้วยทอนทั้งสองฝั่ง
ได้รับผลกระทบ
สถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น:
พายุฝนฟ้าคะนอง
ฝนตกหนัก
น้ำล้นตลิ่ง
น้ำท่วมฉับพลัน / น้ำท่วมขัง
จังหวัดหนองคาย
ขอให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง หรืออยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
ระวังสิ่งก่อสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง
ระวังอันตรายจากกระแสไฟฟ้ารั่ว โดยเฉพาะบริเวณน้ำท่วม
ระวังอันตรายจากสัตว์และแมลงมีพิษ
หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม หรือพื้นที่ที่มีกระแสน้ำไหลเชี่ยว ระวังอันตรายจากน้ำกัดเซาะดินและตลิ่ง ทำให้ตลิ่งพังทลาย
ระวังอันตรายจากฟ้าผ่า
เกษตรกรควรป้องกันผลิตผลทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง
ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
กองอำนายการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดหนองคาย
โทรศัพท์หมายเลข 0 4242 1014
สายด่วน 1784 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
วันที่ 27 กันยายน 2568
จาก : ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย/ผู้อำนวยการจังหวัด
ถึง:
หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
ประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคาย
ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดหนองคาย
นายอำเภอ/ผู้อำนวยการอำเภอทุก อำเภอ
นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองคาย
นายกเทศมนตรีเมืองหนองคาย/เมืองท่าบ่อ
ผู้อำนวยการท้องถิ่น
แจ้งเตือนเน้นย้ำเฝ้าระวังสถานการณ์ฝนตกหนักถึงหนักมาก อ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่า
ร้อยละ 80 ของความจุเก็บกัก และผลกระทบจากระดับน้ำในแม่น้ำโขงเปลี่ยนแปลง
ระหว่างวันที่ 28 - 30 กันยายน 2568
กรมอุตุนิยมวิทยา ได้มีประกาศฉบับที่ 2 (263/2568) ลงวันที่ 27 กันยายน 2568 เวลา 05.00 น. แจ้งว่าเมื่อเวลา 04.00 น. ของวันที่ 27 กันยายน 2568 พายุโซนร้อนกำลังแรง “บัวลอย” บริเวณทะเลจีนใต้ มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 13.1 องศาเหนือ ลองจิจูด 118.3 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัว ทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนตามแนวชายฝั่งบริเวณสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และในช่วงวันที่ 28 - 29 กันยายน 2568 จะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ จากอิทธิพลของพายุ “บัวลอย” ส่งผลให้ในช่วงวันที่ 28 – 30 กันยายน 2568 ร่องมรสุมกำลังแรงจะพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักมากบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยจังหวัดหนองคาย เป็นพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์ฝนตกหนักถึงหนักมาก ระหว่างวันที่ 28 - 30 กันยายน 2568
ประกอบกับโครงการชลประทานหนองคาย แจ้งการระบายน้ำในอ่างเก็บน้ำ 3 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำห้วยทอน (ตอนบน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านบางกอกน้อย ตำบลด่านศรีสุข อำเภอโพธิ์ตาก จังหวัดหนองคาย อ่างเก็บน้ำห้วยหินแก้ว อันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านดอนขนุน ตำบลด่านศรีสุข อำเภอโพธิ์ตาก จังหวัดหนองคาย และอ่างเก็บน้ำห้วยไฮ บ้านห้วยหินขาว ตำบลด่านศรีสุข อำเภอโพธิ์ตาก จังหวัดหนองคาย ปัจจุบันปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้ง 3 อ่างฯ มีปริมาณน้ำเกินระดับควบคุม ตามเกณฑ์ที่กำหนด ประกอบกับได้มีได้รับแจ้งเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยา ในช่วงวันที่ 28 - 29 กันยายน 2586 จะมีอิทธิพลของพายุ “บัวลอย” ที่จะส่งผลกระทบต่อจังหวัดหนองคาย โดยจะมีปริมาณฝนเพิ่มขึ้น เพื่อให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้ง 3 อยู่ในปริมาณที่มีความปลอดภัย อยู่ในระดับควบคุมตามเกณฑ์ที่กำหนด โครงการชลประทานหนองคายมีความจำเป็นต้องระบายน้ำต่อวันตามปริมาณ ดังนี้
1. อ่างเก็บน้ำห้วยทอน (ตอนบน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านบางกอกน้อย ตำบลด่านศรีสุข อำเภอโพธิ์ตาก จังหวัดหนองคาย ความจุระดับเก็บกัก 7.80 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบัน ความจุ 7.381 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 94.70 ของความจุเก็บกัก มีน้ำระบายต่อวันของอ่างฯ 0.413 ล้าน ลบ.ม. ที่จะระบายผ่านอาคารระบายของอ่างฯ
2. อ่างเก็บน้ำห้วยหินแก้ว อันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านดอนขนุน ตำบลด่านศรีสุข อำเภอโพธิ์ตาก จังหวัดหนองคาย ความจุระดับเก็บกัก 4.00 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบัน ความจุ 3.489 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 97.50 ของความจุเก็บกัก มีน้ำระบายต่อวันของอ่างฯ 0.438 ล้าน ลบ.ม. ที่จะระบายผ่านอาคารระบายของอ่างฯ
3. อ่างเก็บน้ำห้วยไฮ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านห้วยหินขาว ตำบลด่านศรีสุข อำเภอโพธิ์ตาก จังหวัดหนองคาย ความจุระดับเก็บกัก 4.10 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบัน ความจุ 3.950 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 96.40 ของความจุเก็บกัก มีน้ำระบายต่อวันของอ่างฯ 0.486 ล้าน ลบ.ม. ที่จะระบายผ่านอาคารระบายของอ่างฯ
รวมปริมาณน้ำทั้ง 3 อ่างฯ ที่ต้องระบายต่อวัน เป็น 1.337 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวันลงไปตามลำห้วยทอน โดยเป็นการบริหารจัดการน้ำโดยการพร่องน้ำ ระบายน้ำ ซึ่งเป็นการควบคุมการระบายน้ำมิให้ราษฎรด้านท้ายอ่างฯ ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมขัง แต่อย่างไรก็ดี ยังคงมีปริมาณน้ำที่ไหลไปตามลำห้วยทอนผ่านไปยัง
ฝายห้วยทอน (ตอนล่าง) และไหลไปยังลำห้วยน้ำโมง ซึ่งอาจมีผลทำให้พื้นที่การเกษตรริมลำห้วยทอนทั้งสองฝั่ง
ได้รับผลกระทบ
สถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น:
พายุฝนฟ้าคะนอง
ฝนตกหนัก
น้ำล้นตลิ่ง
น้ำท่วมฉับพลัน / น้ำท่วมขัง
จังหวัดหนองคาย
ขอให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง หรืออยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
ระวังสิ่งก่อสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง
ระวังอันตรายจากกระแสไฟฟ้ารั่ว โดยเฉพาะบริเวณน้ำท่วม
ระวังอันตรายจากสัตว์และแมลงมีพิษ
หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม หรือพื้นที่ที่มีกระแสน้ำไหลเชี่ยว ระวังอันตรายจากน้ำกัดเซาะดินและตลิ่ง ทำให้ตลิ่งพังทลาย
ระวังอันตรายจากฟ้าผ่า
เกษตรกรควรป้องกันผลิตผลทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง
ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
กองอำนายการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดหนองคาย
โทรศัพท์หมายเลข 0 4242 1014
สายด่วน 1784 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
วันที่ 27 กันยายน 2568
พายุไต้ฝุ่น "บัวลอย" จ่อเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนาม กระทบไทย "ฝนตกหนัก" หลายพื้นที่
"กรมอุตุนิยมวิทยา" ประกาศฉบับที่ 6 พายุไต้ฝุ่น "บัวลอย" จ่อเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนาม ก่อนอ่อนกำลังลงตามลำดับ กระทบประเทศไทยมี "ฝนตกหนัก" หลายพื้นที่
วันที่ 28 ก.ย. 2568 เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเรื่องพายุ "บัวลอย" และฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย ฉบับที่ 6 โดยระบุว่า เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ (28 ก.ย.) พายุไต้ฝุ่นบัวลอย (BUALOI) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 170 กิโลเมตร หรือที่ละติจูด 16.2 องศาเหนือ ลองจิจูด 109.8 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงพายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนในวันที่ 29 ก.ย. 2568 หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ
จากอิทธิพลของพายุบัวลอย ส่งผลให้ในช่วงวันที่ 28–30 ก.ย. 2568 ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักมากบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามแนวขอบของพายุ รวมถึงด้านรับมรสุมในภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยยังคงมีกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 28–30 ก.ย. 68
อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์ กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือโทร 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.
วันที่ 28 ก.ย. 2568 เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเรื่องพายุ "บัวลอย" และฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย ฉบับที่ 6 โดยระบุว่า เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ (28 ก.ย.) พายุไต้ฝุ่นบัวลอย (BUALOI) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 170 กิโลเมตร หรือที่ละติจูด 16.2 องศาเหนือ ลองจิจูด 109.8 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงพายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนในวันที่ 29 ก.ย. 2568 หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ
จากอิทธิพลของพายุบัวลอย ส่งผลให้ในช่วงวันที่ 28–30 ก.ย. 2568 ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักมากบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามแนวขอบของพายุ รวมถึงด้านรับมรสุมในภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยยังคงมีกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 28–30 ก.ย. 68
อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์ กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือโทร 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.
ประกาศ งดจ่ายกระแสไฟฟ้าชั่วคราว
วันศุกร์ที่ 12 กันยายน 2568 เวลา 09.00 น.–17.30 น. การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาเมืองอุดรธานี 2
จะทำการงดจ่ายกระแสไฟฟ้าชั่วคราว เพื่อปรับปรุงระบบจำหน่ายไฟฟ้า เพิ่มความมั่นคงในการจ่ายไฟ ช่วงเวลา 09.00 น.–17.30 น. งดจ่ายกระแสไฟฟ้า ถาวร บริเวณ บริษัท เอเซีย แปซิฟิค โปแตซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด, ชุมชนบ้านหนองตะไก้, ร้านสามข้าวแฟคตอรี่, ฟาร์มงอกเงย, ด่านช่างน้ำหนัก ไซส์งานก่อสร้าง, วัดป่าสามัคคีธรรม, สถานีวิทยุกองทัพภาคที่ 2 ค่ายยุทธศิลป์ประสิทธิ์, กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 13 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 3, สำนักงานพัฒนาภาค 2 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (สนภ.2 นทพ.) และโรงเรียนบ้านหนองไผ่หนองหิน ตำบลหนองไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ช่วงเวลา 09.00-12.00 น. และ 16.30-17.30 น. งดจ่ายกระแสไฟฟ้า ชั่วคราว บริเวณ ถนนมิตรภาพอุดร-ขอนแก่น (ฝั่งขาออกไปขอนแก่น) จากนิคมอุตสาหกรรมโนนสูง บ้านโนนสูง ถึง แยกถนนเย็นน้ำคำ เซเว่นอีเลฟเว่นสาขาโนนสูง, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาเมืองโนนสูง, โรงเรียนสอนขับรถอุดรธานียูเซฟ, ค่ายพระยาสุนทรธรรมธาดา และโรงเรียนชุมชนโนนสูง ตำบลโนนสูง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี
หากดำเนินการเสร็จก่อนกำหนด PEA จะจ่ายไฟทันที
ต้องขออภัยในความไม่สะดวก ในช่วงวันเวลาประกาศ
วันศุกร์ที่ 12 กันยายน 2568 เวลา 09.00 น.–17.30 น. การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาเมืองอุดรธานี 2
จะทำการงดจ่ายกระแสไฟฟ้าชั่วคราว เพื่อปรับปรุงระบบจำหน่ายไฟฟ้า เพิ่มความมั่นคงในการจ่ายไฟ ช่วงเวลา 09.00 น.–17.30 น. งดจ่ายกระแสไฟฟ้า ถาวร บริเวณ บริษัท เอเซีย แปซิฟิค โปแตซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด, ชุมชนบ้านหนองตะไก้, ร้านสามข้าวแฟคตอรี่, ฟาร์มงอกเงย, ด่านช่างน้ำหนัก ไซส์งานก่อสร้าง, วัดป่าสามัคคีธรรม, สถานีวิทยุกองทัพภาคที่ 2 ค่ายยุทธศิลป์ประสิทธิ์, กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 13 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 3, สำนักงานพัฒนาภาค 2 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (สนภ.2 นทพ.) และโรงเรียนบ้านหนองไผ่หนองหิน ตำบลหนองไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ช่วงเวลา 09.00-12.00 น. และ 16.30-17.30 น. งดจ่ายกระแสไฟฟ้า ชั่วคราว บริเวณ ถนนมิตรภาพอุดร-ขอนแก่น (ฝั่งขาออกไปขอนแก่น) จากนิคมอุตสาหกรรมโนนสูง บ้านโนนสูง ถึง แยกถนนเย็นน้ำคำ เซเว่นอีเลฟเว่นสาขาโนนสูง, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาเมืองโนนสูง, โรงเรียนสอนขับรถอุดรธานียูเซฟ, ค่ายพระยาสุนทรธรรมธาดา และโรงเรียนชุมชนโนนสูง ตำบลโนนสูง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี
หากดำเนินการเสร็จก่อนกำหนด PEA จะจ่ายไฟทันที
ต้องขออภัยในความไม่สะดวก ในช่วงวันเวลาประกาศ
หลวงพ่อสุทิน วัดสามภพ บ้านหนองแวงงาม
ร้านหม่าล่าสวนปาล์ม โทร.093 058 4572
ขอให้นายเต็งสู่ภพภูมิที่ดี ขอให้ท่านมีความสุขในภพภูมิของท่าน
วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ หนองคายในพระราชูปถัมภ์ฯ8 เมษายน เวลา 00:49 น. ประชาสัมพันธ์การรับสมัครนักเรียน นักศึกษาผู้พิการ เปิดรับสมัครนักเรียน นักศึกษาผู้พิการ เข้าศึกษาต่อในหลักสูตรต่างๆ ดังนี้
พ.ต.ท.เอกพงษ์ บุญศรี สวป.สภ.บ้านผือ, ร.ต.อ.วีรวัฒน์ มาตโสภา รอง สวป.สภ.บ้านผือ พร้อมชุดจราจร ติดตั้งป้ายแนะนำเส้นทาง ทางเลี่ยงเมืองช่วงเทศกาลฯ
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครอบนวลสว่างด้วยครับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับขอให้นายหล่อ ไปสู่ภพภูมิที่ดีขอขอบคุณที่มาใช้บริการ ห้องภาพ ดีเจจ๊ะเอ๋ และห้องเสื้อวราภรณ์ ร้านเปิด06.00ปิด 20.00น.เสาร์ อาทิตย์ก็เปิดให้บริการนะครับ 0612301227 0506299771
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครอบงามราศรีด้วยครับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับขอให้นาง บัวศรี ไปสู่ภพภูมิที่ดีขอขอบคุณที่มาใช้บริการ ห้องภาพ ดีเจจ๊ะเอ๋ และห้องเสื้อวราภรณ์ ร้านเปิด06.00ปิด 20.00น.เสาร์ อาทิตย์ก็เปิดให้บริการนะครับ 0612301227 0506299771
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครอบปราบคนชั่วด้วยครับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับขอให้นายสุเทพไปสู่ภพภูมิที่ดี ขอขอบคุณที่มาใช้บริการ ห้องภาพ ดีเจจ๊ะเอ๋ และห้องเสื้อวราภรณ์ ร้านเปิด06.00ปิด 20.00น.เสาร์ อาทิตย์ก็เปิดให้บริการนะครับ 0612301227 0506299771
นายทินกร สุโพธิ์ หัวหน้าหมวดทางหลวงบ้านผือ(กรมทางหลวงหมายเลข2021)พร้อมทีมงานได้ลงพื้นที่เขตรับผิดชอบในอำเภอบ้านผือจังหวัดอุดรธานี
ชิญร่วมพบปะสังสรรค์กลุ่มพันธมิตรฯ (144.9750MHz.) ประชุมหารือที่บ้าน E25YTX บ้านเชียงพิณ เส้นทางอุดร-กุดจับ ก.ม.ที่5
แจ้งประชาสัมพันธ์ความถี่ติดต่อประสานงาน ของวิทยุสมัครเล่นจังหวัดเลย หากต้องการติดต่อประสานงานหรือสอบถามข้อมูลต่างๆ ได้ที่ความถี่ 145.625 MHz DUp-600 และ 145.000 MHz ใช้ความถี่ 145.000 MHz
เป็นความถี่กลาง หน่วยงานอื่นๆสามารถเรียกขานเข้ามาได้ ขอบคุณครับ
เป็นความถี่กลาง หน่วยงานอื่นๆสามารถเรียกขานเข้ามาได้ ขอบคุณครับ
การประกาศขึ้นทะเบียนอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม